การติดตั้งระบบไฟฟ้าในอาคารหรือพื้นที่ต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความทนทานในระยะยาว หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ใช้สำหรับการเดินสายไฟ คือ ท่อเหล็กร้อยสายไฟ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยป้องกันสายไฟจากความเสียหาย ท่อ EMT (Electrical Metallic Tubing) และ IMC (Intermediate Metal Conduit) ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในงานติดตั้งระบบไฟฟ้า มาดูกันว่าท่อร้อยสายไฟ EMT กับ IMC คืออะไร มีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไร พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับโครงการของคุณ
ท่อเหล็กร้อยสายไฟ และความสำคัญในงานไฟฟ้า
ท่อเหล็กร้อยสายไฟ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปกป้องสายไฟไม่ให้เกิดความเสียหายจากการกระแทก สารเคมี และความชื้น รวมถึงลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ที่อาจเกิดจากการสัมผัสกับวัสดุที่เป็นตัวนำไฟฟ้า นอกจากนี้ยังช่วยจัดระเบียบสายไฟให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวกในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอนาคต โดยท่อ EMT และ IMC เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการติดตั้งทั้งภายในและภายนอกอาคาร
ประโยชน์ของท่อเหล็กร้อยสายไฟ
- ปกป้องสายไฟ : ป้องกันสายไฟจากการกระแทก การกัดแทะจากสัตว์ สารเคมี และความชื้น ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร
- จัดระเบียบสายไฟ : ลดความยุ่งเหยิง ทำให้สถานที่ดูสะอาดและเป็นระเบียบ
- ทนทาน : ทนต่อแรงกระแทก การกัดกร่อน และสภาพแวดล้อมรุนแรง
- สะดวกในการบำรุงรักษา : เปลี่ยนสายไฟง่ายโดยไม่ต้องรื้อถอน
- เหมาะกับหลากหลายงาน : เลือกใช้ได้ทั้ง EMT หรือ IMC สำหรับงานต่าง ๆ
ท่อ EMT (Electrical Metallic Tubing) คืออะไร ?
ท่อ EMT หรือท่อโลหะขนาดบาง คือท่อเหล็กที่มีความบางและน้ำหนักเบา ใช้สำหรับการเดินสายไฟฟ้าโดยมีขนาดตั้งแต่ 1/2 นิ้วถึง 2 นิ้ว ผลิตจากเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel) หรืออะลูมิเนียม ท่อชนิดนี้สามารถดัดได้ง่ายด้วยเครื่องมือดัดท่อ ทำให้การติดตั้งสะดวกและรวดเร็ว
นอกจากนี้ ท่อ EMT ยังมีการระบุขนาดและชนิดของท่อด้วยตัวอักษรสีส้ม (บางครั้งอาจเป็นสีแดง) ตามมาตรฐานของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.)
การใช้งานท่อ EMT ในงานไฟฟ้า
ท่อ EMT นิยมใช้ในอาคารต่าง ๆ เช่น สำนักงาน อาคารพาณิชย์ หรือบ้านพักอาศัย เหมาะสำหรับติดตั้งในลักษณะลอยหรือซ่อนในฝ้าเพดาน ที่ต้องการความเรียบร้อยของสายไฟและไม่มีความเสี่ยงต่อการกระแทกสูง แต่ห้ามนำไปฝังในดินหรือในผนังคอนกรีตเนื่องจากความบางของท่อ
ข้อดีของท่อ EMT
- น้ำหนักเบา ช่วยลดแรงงานในการติดตั้ง
- ดัดโค้งง่าย สามารถดัดท่อให้เข้ากับมุมต่าง ๆ ได้ง่าย
- ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการลดต้นทุน
การติดตั้งท่อ EMT
ในการติดตั้งท่อ EMT จำเป็นต้องใช้ คัปปลิ้ง (Coupling) สำหรับเชื่อมต่อท่อทุก ๆ ระยะ 300 เซนติเมตร เพื่อยึดท่อกับผนังหรือพื้นให้มั่นคง นอกจากนี้ ในระยะ 90 เซนติเมตรจากกล่องต่อสายหรือกล่องควบคุม ควรใช้อุปกรณ์จับยึด (Strap) เพื่อยึดท่อให้แน่นหนา
ท่อ IMC (Intermediate Metal Conduit) คืออะไร ?
ท่อ IMC หรือ ท่อโลหะหนาปานกลาง คือท่อเหล็กที่มีความหนาและแข็งแรงมากกว่าท่อ EMT เล็กน้อย ผลิตจากเหล็กชุบสังกะสีหรือวัสดุโลหะชนิดอื่น ๆ ที่ทนทานต่อการกัดกร่อน มีขนาดตั้งแต่ 1/2 นิ้วถึง 4 นิ้ว และทั้งสองปลายท่อจะมีการทำเกลียวเพื่อใช้ในการเชื่อมต่อ
การใช้งานท่อ IMC ในงานไฟฟ้า
ท่อ IMC เหมาะสำหรับการติดตั้งทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง หรือการฝังในผนังคอนกรีต
ข้อดีของท่อ IMC
- ทนทานต่อแรงกระแทก เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก
- ความทนทานต่อการกัดกร่อน ใช้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
- ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง สามารถติดตั้งในพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคารได้
การติดตั้งท่อ IMC
การติดตั้งท่อ IMC ง่ายเหมือนท่อ EMT โดยต้องใช้คัปปลิ้ง (Coupling) เพื่อเชื่อมต่อท่อทุก ๆ ระยะ 300 เซนติเมตร และเมื่อจำเป็นต้องเชื่อมต่อท่อ IMC เข้ากับเครื่องห่อหุ้ม จะต้องใช้บุชชิ่ง (Bushing) เพื่อป้องกันการเสียหายของฉนวนสายไฟฟ้า

ความแตกต่างระหว่างท่อเหล็กร้อยสายไฟ EMT และ IMC
ความแตกต่างด้านวัสดุและความแข็งแรง
ท่อ EMT ทำจากวัสดุที่เบากว่าและบางกว่าท่อ IMC ทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าในการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่ต้องรับแรงกระแทกมากนัก ในขณะที่ท่อ IMC มีความหนาและแข็งแรงกว่า ทนทานต่อการกระแทกและสภาพแวดล้อมภายนอกมากกว่า
การใช้งานและความเหมาะสมในแต่ละประเภทงาน
ท่อ EMT เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารที่ไม่มีการกระแทกมาก ขณะที่ท่อ IMC เหมาะกับพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการกระแทกหรือมีความชื้นสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่กลางแจ้ง
ราคาและต้นทุนในการติดตั้ง
ท่อ EMT ราคาถูกกว่าและติดตั้งง่ายกว่า ขณะที่ท่อ IMC แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่มีความทนทานที่ดีกว่า
การทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ท่อ IMC เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมีกัดกร่อน ขณะที่ท่อ EMT เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่เผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
5 ข้อควรระวังในการเดินสายไฟร้อยท่อโลหะ
- วางแผนแนวเดินสายไฟล่วงหน้า เพื่อกำหนดตำแหน่งสวิตช์และเต้าเสียบให้เหมาะสม ป้องกันการเดินสายพ่วงที่อาจเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจร
- ใช้แนวเดินที่เรียบและปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงมุมดัดโค้งที่ซับซ้อนและจุดต่อที่ไม่จำเป็น
- ห้ามใช้ท่อ EMT ภายนอกอาคารและใต้พื้น เพราะอาจเกิดสนิมและความเสียหายจากความชื้น
- คำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย ท่อโลหะต้องเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนาและมีระบบสายดินที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบงบประมาณ ท่อโลหะมีราคาสูงกว่าท่อ PVC จึงต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม
การเลือกขนาดท่อร้อยสายไฟให้เหมาะสมกับจำนวนสายไฟ
การเลือกท่อเหล็กร้อยสายไฟให้เหมาะสมกับจำนวนสายไฟมีความสำคัญมาก เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน
- หากใช้สายไฟขนาดเล็ก ควรเลือกท่อขนาดเล็กเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
- หากใช้สายไฟขนาดใหญ่ ควรเลือกท่อขนาดใหญ่เพื่อให้สายไฟสามารถระบายความร้อนได้ดีและป้องกันไม่ให้สายไฟหักงอ
- สำหรับการเดินสายไฟ 2-3 เส้น ควรเลือกท่อขนาด 1 นิ้ว
- สำหรับการเดินสายไฟ 4-5 เส้น ควรเลือกท่อขนาด 1.5 นิ้ว
หากคุณกำลังติดตั้งระบบไฟฟ้าในโรงงานที่มีเครื่องจักรหนัก การเลือกใช้ท่อ IMC จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระยะยาว แต่หากเป็นการติดตั้งในสำนักงาน ท่อ EMT ก็ถือว่าเพียงพอและช่วยลดต้นทุนได้
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ท่อ EMT หรือ IMC การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมและได้มาตรฐานคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าของคุณมีความปลอดภัยและมีอายุการใช้งานยาวนาน เข้ามาที่ STS Thonburi ได้เลย เพราะเรามีสินค้าท่อร้อยสายไฟคุณภาพสูง รวมถึงสายไฟสำหรับงานไฟฟ้าหลากหลายประเภท เช่น สาย CV (ฉนวน XLPE/PVC), สาย NYY และสาย THW จากแบรนด์ชั้นนำมากมายให้เลือกสั่งซื้อได้ตามต้องการ พร้อมบริการจัดส่งทั่วไทย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่อร้อยสายไฟมีกี่ชนิด และควรเลือกแบบใดให้เหมาะสมกับการใช้งานหรืออุตสาหกรรมของคุณได้ที่ STS Thonburi เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำในทุกขั้นตอน เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้สายไฟที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว
แหล่งอ้างอิง
- 7 Types of Electrical Conduits and What You Need To Know. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 จาก https://eepower.com/industry-articles/7-types-of-electrical-conduits-and-what-you-need-to-know/