สายไฟทนความร้อน : คุณสมบัติและการเลือกใช้อย่างเหมาะสม

การทดสอบสายทนไฟ สายไฟทนความร้อน

สายไฟทนความร้อนได้รับการออกแบบมาเพื่อทนต่ออุณหภูมิสูง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนจัด หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร การเลือกใช้สายไฟที่มีคุณภาพและตรงตามมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอันตรายจากไฟไหม้ และช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าให้ยาวนาน ขอชวนช่างไฟมือใหม่ทุกคนมาทำความเข้าใจว่า ทำไมการใช้สายไฟทนความร้อนหรือสายทนไฟจึงมีความสำคัญ และควรเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง

สายไฟทนความร้อนคืออะไร ?

สายไฟทนความร้อน (Heat Resistant Wire) หรือที่เรียกว่า สายทนไฟ คือ สายไฟที่รองรับอุณหภูมิสูงเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หรือระบบที่ต้องเผชิญกับความร้อนสูง เช่น เตาอบ เตาไฟฟ้า เตาหลอมโลหะ ตู้อบฆ่าเชื้อ หรือระบบเดินสายไฟในอาคารที่มีความเสี่ยงสูงจากความร้อน

คุณสมบัติของสายทนไฟ

  • Fire Resistance หรือ Circuit Integrity : สายไฟสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องแม้ในขณะที่สายไฟถูกเพลิงไหม้ ซึ่งช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร เช่นสาย FRC
  • Flame Retardant : สายไฟทนไฟมีคุณสมบัติในการต้านทานการลุกลามของไฟ ซึ่งช่วยชะลอการแพร่กระจายของไฟในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ เช่น สายไฟ FR-CV หรือ FD-CV
  • Low Smoke : เมื่อสายไฟถูกเพลิงไหม้ จะปล่อยควันในปริมาณน้อย ช่วยลดการเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษสะสมในร่างกาย
  • Halogen Free : สายไฟทนความร้อนมักไม่มีสารประกอบของธาตุฮาโลเจน ซึ่งเป็นสารที่สามารถเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งานเมื่อเกิดการเผาไหม้

มาตรฐานทดสอบสายทนไฟ BS 6387

เพื่อให้แน่ใจว่าสายไฟทนความร้อนที่ใช้มีคุณภาพและทนทานต่ออุณหภูมิสูง มีการทดสอบมาตรฐานสายทนไฟที่สำคัญ ซึ่งได้แก่

1. การทดสอบการทนไฟ (Resistance to Fire Alone) : ประเมินประสิทธิภาพในการทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจรหรือเพลิงไหม้ โดยแบ่งตามระดับของอุณหภูมิเปลวไฟและเวลาที่ใช้ทดสอบ ดังนี้

1.1 650°C เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร A
1.2 750°C เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร B
1.3 950°C เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร C
1.4 950°C เป็นเวลา 20 นาที ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร S

2. การทดสอบการทนไฟและน้ำ (Resistance to Fire with Water) : ทดสอบความสามารถในการทนทานต่อทั้งไฟและน้ำ โดยมีระดับของอุณหภูมิเปลวไฟและเวลาที่ใช้ทดสอบแบบเดียวคือ

2.1 650°C เป็นเวลา 15 นาที จากนั้นพ่นสเปรย์น้ำพร้อมเผาไฟ 650°C ต่อเป็นเวลา 15 นาที ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร W

3. การทดสอบการทนไฟและแรงกระแทก (Resistance to Fire with Mechanical Shock) : ทดสอบความทนทานในสภาพที่มีแรงกระแทกสูง โดยแบ่งตามระดับของอุณหภูมิเปลวไฟและเวลาที่ใช้ทดสอบได้เป็น

3.1 650°C พร้อมแรงกระแทก เป็นเวลา 15 นาที ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร X
3.2 750°C พร้อมแรงกระแทก เป็นเวลา 15 นาที ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร Y
3.3 950°C พร้อมแรงกระแทก เป็นเวลา 15 นาที ใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร Z

โดยสายไฟฟ้าที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานขั้นสูงตามข้อ 1.3 และ 2.1 และ 3.3 จะเรียกว่า Category CWZ

 

ความสำคัญของการใช้สายไฟทนความร้อน

การใช้สายไฟทนความร้อนสูงเป็นหนึ่งในมาตรการที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานระบบไฟฟ้า โดยมีความสำคัญดังนี้

  • ป้องกันอันตรายจากไฟไหม้ : การใช้สายไฟทนความร้อนช่วยลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ที่อาจเกิดขึ้นจากความร้อนที่เกินกำหนด หรือจากไฟฟ้าลัดวงจร
  • ทนทานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง : เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีความร้อนสูง เช่น ห้องครัวที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความร้อน หรือใกล้เตาหลอมโลหะ
  • เพิ่มอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้า : ช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความเสถียรภาพและสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง : การใช้สายไฟทนความร้อนที่มีคุณภาพสูงจะช่วยลดการเกิดความเสียหายและปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานสายไฟที่ไม่ทนทาน

การเลือกใช้งานสายไฟทนความร้อน

การเลือกสายไฟที่เหมาะสมควรคำนึงถึงประเภทการใช้งานและสภาพแวดล้อม เช่น งานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความร้อน หรือพื้นที่ในครัวเรือนที่ต้องการความปลอดภัยจากความร้อนสะสม

  • งานอุตสาหกรรม : สายไฟทนความร้อนเหมาะสำหรับงานในอุตสาหกรรมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น การผลิตโลหะ การหลอมเหล็ก หรือเครื่องจักรที่มีความร้อนสูง
  • การใช้ในบ้าน : นิยมนำไปใช้ในห้องครัวหรือพื้นที่ใกล้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถสร้างความร้อนสูง เช่น เตาอบ เตาไมโครเวฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจเกิดความร้อนสะสม
  • งานวิจัยทางการแพทย์ : สายไฟทนความร้อนช่วยให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ทำงานได้อย่างเสถียร โดยลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์หรือผู้ใช้

 

การเลือกใช้สายไฟทนความร้อนหรือสายทนไฟที่ได้มาตรฐาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากไฟไหม้ และทำให้ระบบไฟฟ้าของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว สายไฟที่มีคุณภาพสูงและทนทานไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในอนาคต

มาเพิ่มความปลอดภัยให้ระบบไฟฟ้าของคุณด้วยสายไฟคุณภาพจาก STS Thonburi ที่จำหน่ายสายไฟฟ้าหลากหลาย Spec ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ NYY, CV และ THW รวมถึงสายไฟอีกหลายประเภทที่ได้มาตรฐาน ในราคาย่อมเยา พร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียดทุกการใช้งาน สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อกับเราได้เลย !

 

แหล่งอ้างอิง

  1. Flame retardant vs fire resistant cables – what’s the difference?. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จาก https://www.habia.com/en/knowledge-hub/flame-retardant-vs-fire-resistant-cables--whats-the-difference/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้