เพราะสิ่งรอบตัวส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในการทำงาน ทำให้ "สายไฟ" กลายเป็นสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะนอกจากจะทำหน้าที่นำกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว ยังมีเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย แต่คุณสมบัติของสายไฟที่ดีจะต้องเป็นอย่างไร? เราได้รวบรวมมาตอบในรูปแบบของ Q&A เพื่อให้คุณสามารถใช้บทความนี้เป็นคู่มือวิธีเลือกสายไฟได้ในทุกโอกาส!
คุณสมบัติสายไฟที่ดี เป็นเรื่องสำคัญที่ขึ้นตรงต่อคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้การเลือก สายไฟ กลายเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการติดตั้งภายในบ้านและอาคาร เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดเหตุขัดข้องทางไฟฟ้า ที่จะนำไปสู่อันตรายต่อร่างกายและทรัพย์สินได้
โดยคุณสมบัติที่บ่งบอกถึงคุณภาพของสายไฟที่ตรงตามมาตรฐาน สามารถวัดได้จาก วัสดุ ที่ใช้ผลิตเป็นหลัก เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสายไฟโดยเฉพาะ โดยจะสามารถจำกัดความได้ ดังนี้
สามารถอธิบายได้ว่า คุณสมบัติสายไฟที่ดีจะต้องทำจากวัสดุที่มีค่าความต้านทานต่อหน่วยความยาวต่ำ เพื่อให้สามารถส่งผ่านกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำไฟฟ้าได้ดี นอกจากนี้ยังควรเลือกสายไฟที่เป็นทองแดงบริสุทธิ์ 99.99% เพื่อให้ส่งเสริมกันในด้านของความสามารถการนำไฟฟ้า ตลอดจนการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
สายไฟที่ดีและมีมาตรฐาน จะต้องทำมาจากตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณภาพ โดยตัวนำที่นิยมใช้มักจะเป็นทองแดงและอะลูมิเนียม ซึ่งโลหะทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันในเชิงของคุณสมบัติความทนทาน และความสามารถในการนำไฟฟ้า สามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ดังนี้
จะเห็นได้ว่าตัวนำไฟฟ้าที่แตกต่างก็มีจะมีความเหมาะสมกับการใช้งานในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้น ถ้าหากเลือกสายไฟ โดยขาดการพิจารณาในส่วนนี้ ก็อาจจะทำให้เกิดโอกาสไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่ายหลังจากการใช้งาน
เพราะฉนวนมีหน้าที่ป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าสู่ผู้ใช้งาน ดังนั้นการเลือกสายไฟที่ดีจะต้องมีฉนวนที่ได้มาตรฐาน เป็นเกรดพรีเมียม ซึ่งการันตีถึงความทนทาน และทนความร้อนได้เป็นอย่างดี พร้อมช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่เกิดจากไฟฟ้า อย่างไฟดูด ไฟช็อต ไฟไหม้ จากไฟฟ้าลัดวงจรได้อย่างมั่นใจ
เพราะฉนวนหุ้มเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ทำให้การทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของฉนวน กลายเป็นเรื่องสำคัญที่แม้กระทั่งผู้ใช้งานทั่วไปก็ควรต้องรู้ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ตรวจสอบสายไฟภายในบ้านว่า สามารถป้องกันกระแสและทนต่อแรงดันไฟฟ้าได้จริงหรือไม่ โดยชนิดของฉนวนหุ้มที่ควรรู้จักก็มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ดังนี้
ดังที่กล่าวไปในข้างต้น ถึงความปลอดภัยที่ขึ้นตรงอยู่กับการใช้ สายไฟที่มีคุณภาพ เพราะมีหน้าที่เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิดมาสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าและหลอดไฟภายในบ้านพัก ดังนั้น การศึกษาวิธีเลือกสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้งานทั่วไปไม่ควรละเลย โดยวิธีการเลือกก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเราสรุปแบบเข้าใจง่ายมาให้ทั้งหมดด้วยกัน 4 ข้อ ดังนี้
ตามการอ้างอิงจากหัวข้อคุณสมบัติสายไฟที่ดี จะพบว่าหนึ่งในคำจำกัดความจะมีเรื่องของ มาตรฐานสายไฟ อยู่ด้วย ส่งผลให้ในขั้นตอนการเลือกซื้อ ผู้ใช้งานจึงต้องสังเกตจากสัญลักษณ์ของมาตรฐานที่รองรับเป็นหลัก
โดยกำหนดให้สายไฟที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน ควรเป็นสายไฟที่มีสัญลักษณ์ มอก. ซึ่งได้รับการยอมรับในมาตรฐานอุตสาหกรรม เป็นการการันตีแล้วว่าสายไฟดังกล่าวได้ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดี และมีคุณภาพเพียงพอที่จะนำไปใช้งานจริงได้ โดยไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านไฟฟ้า
หลายคนอาจเข้าใจว่าสายไฟ ชนิดเดียวกัน สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกจุด ซึ่งนั่นถือเป็นความเข้าใจผิดที่กระทบต่อขั้นตอนการเลือกซื้อ และส่งผลให้เกิดอันตรายได้หลังจากติดตั้งใช้งาน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยให้ท่องจำเอาไว้เสมอเลยว่า ควรเลือกชนิดสายไฟให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการติดตั้งเสมอ เพราะคุณสมบัติที่เฉพาะตัวของสายไฟแต่ละชนิด ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอื้อต่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ และการรักษาสภาพสายไฟให้สมบูรณ์แบบเมื่อติดตั้งและใช้งาน
ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการเดินสายไฟภายนอกอาคาร ควรมองหาสายไฟชนิด THW, THW-A, CV และ NYY ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทั้งยังทนแรงดันไฟฟ้าและความร้อนได้สูง แต่สำหรับกรณีที่ต้องการมองหาสายไฟสำหรับใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ให้ใช้สายไฟ VAF หรือ VCT ที่ออกแบบมารองรับการเดินลอยตีกิ๊บ ร้อยท่อ อีกทั้งยังสามารถทนความร้อน และรับแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย
เพื่อลดโอกาสในการชำรุดของสายไฟ การพิจารณาจากวิธีการติดตั้งประกอบการเลือกซื้อสายไฟ จึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะลักษณะการติดตั้งส่งผลโดยตรงต่อสวัสดิภาพของสายไฟ อาทิ การติดตั้งระบบไฟฟ้าแบบถาวร ตายตัว ทำให้การใช้ สายไฟแข็ง เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยนิยมใช้กับงานระบบสายไฟสำหรับที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ โดยจะติดตั้งภายในผนัง เพดาน หรือระบบท่อร้อยสาย
ในขณะเดียวกัน หากต้องการติดตั้งสายไฟแบบเดินยึดกับผนังหรือผ่านบริเวณสายกดทับ รวมไปถึงการใช้งานแบบชั่วคราวที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ก็ควรเลือกใช้ สายไฟอ่อน ที่มีคุณสมบัติในการดัดงอได้ดี อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นกว่า จึงรองรับการเดินลอยตีกิ๊บ ร้อยท่อได้อย่างปลอดภัย มักใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักรที่มีการสั่นสะเทือนสูง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
ปิดท้ายวิธีเลือกสายไฟด้วยการพิจารณาจากขนาดแรงดันของสายไฟฟ้า โดยควรเลือกให้เหมาะสมกับทั้งแรงดันและปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับขนาดของฟิวส์หรือเบรกเกอร์ ลดปัญหาไฟตก ไฟส่งไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่พอไปได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่าคุณสมบัติสายไฟที่ดีเป็นอย่างไร และมีความสำคัญแค่ไหนถึงต้องเลือกซื้อให้ตอบโจทย์การใช้งาน หากใครที่ตระหนักแล้วถึงข้อเท็จจริงในส่วนนี้ ทั้งยังกำลังมองหาสายไฟคุณภาพดีที่ตรงตามมาตรฐาน เชิญมาเลือกได้ที่ STS Thonburi บริษัทขายส่งสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด และเป็นตัวแทนจำหน่ายที่รับมาจากโรงงานสายไฟโดยตรงไม่ว่าจะเป็น Thai Union, PKS และ FUHRER พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ
ข้อมูลอ้างอิง: